ในยุคที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องรับมือกับข้อมูลจากทุกทิศ ทั้งจากเครื่องจักร PLC, ระบบ SCADA, IoT Gateway, ERP และเซนเซอร์นับพันจุด — คำถามใหญ่คือ “จะจัดการข้อมูลเหล่านี้อย่างไรให้เกิดคุณค่า?” คำตอบของมันคือ Data Platform หรือ “แพลตฟอร์มข้อมูล” ซึ่งเป็นหัวใจของการขับเคลื่อน Smart Factory และ Industrial Data Engineering
Data Platform คืออะไร

Data Platform คือระบบศูนย์กลางสำหรับการจัดการข้อมูลในองค์กร ตั้งแต่การเก็บ (Collect) จัดระเบียบ (Store) แปลงข้อมูล (Process/Transform) และนำไปใช้วิเคราะห์ (Analyze & Visualize) อย่างเป็นระบบ
ในบริบทของโรงงาน มันคือ “สมองกลางของข้อมูลทั้งหมด” ที่รวมข้อมูลจากเครื่องจักร เซนเซอร์ ระบบ ERP และฐานข้อมูลภายใน มาจัดเก็บไว้ในที่เดียว พร้อมให้วิศวกร ผู้บริหาร และฝ่ายผลิตเข้าถึงได้ แบบ real-time
ตัวอย่างเช่น ข้อมูล PLC ที่วัดอุณหภูมิ ความเร็วการผลิต หรือพลังงานที่ใช้ จะถูกส่งเข้า Data Platform เพื่อนำไปแสดงบน Dashboard หรือทำการวิเคราะห์แนวโน้ม ช่วยให้โรงงานเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละนาที
ทำไมโรงงานต้องมี Data Platform
ในอดีต ข้อมูลในโรงงานมักกระจัดกระจาย อยู่ในเครื่อง SCADA ของแต่ละไลน์ หรือเก็บใน Excel ของแต่ละแผนก การจะดูภาพรวมทั้งโรงงานทำได้ยากมาก Data Platform จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยให้ประโยชน์สำคัญดังนี้
-
ลดการทำงานซ้ำซ้อนและข้อมูลไม่ตรงกัน
เมื่อทุกระบบดึงข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน ( Single Source of Truth ) ฝ่ายผลิตและฝ่ายบำรุงรักษาจะเห็นตัวเลขเดียวกัน ลดความสับสนและข้อผิดพลาด -
เห็นภาพรวมแบบเรียลไทม์
แสดงสถานะการทำงานของเครื่องจักร พลังงานที่ใช้ หรือ OEE แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น -
รองรับการวิเคราะห์เชิงลึก
นำข้อมูลดิบไปใช้สร้างโมเดล AI/ML เช่น การทำนายการเสียของเครื่องจักร (Predictive Maintenance) หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต -
รองรับการขยายตัวในอนาคต
Data Platform ที่ดีจะออกแบบให้รองรับ Edge Computing, Cloud และการเชื่อมต่อกับ AI ได้ในอนาคต โดยไม่ต้องรื้อระบบเดิม
องค์ประกอบสำคัญของ Data Platform

Data Platform มักถูกออกแบบให้ประกอบด้วยหลายชั้น แต่ละชั้นทำหน้าที่ต่างกัน และเมื่อรวมกันแล้ว จะกลายเป็นโครงสร้างที่จัดการข้อมูลครบวงจร
1. Data Ingestion (การนำเข้าข้อมูล)
เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เชื่อมต่อกับ PLC, Sensor, Database หรือ API ต่าง ๆ เพื่อดึงข้อมูลเข้าสู่ระบบ อาจใช้ Protocol เช่น Modbus, OPC UA หรือ MQTT
2. Data Storage (การจัดเก็บข้อมูล)
ข้อมูลดิบจะถูกเก็บไว้ใน Data Lake ส่วนข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว จะถูกเก็บใน Data Warehouse เพื่อใช้สำหรับ BI หรือ Dashboard
3. Data Processing (การประมวลผล)
ขั้นตอนนี้คือการทำความสะอาด แปลงรูปแบบ และรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น รวมข้อมูลจาก SCADA กับข้อมูล ERP เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยผลิต
4. Analytics & Visualization (การวิเคราะห์และแสดงผล)
ข้อมูลที่พร้อมใช้งานจะถูกนำเสนอในรูปแบบ Dashboard หรือรายงาน ให้ผู้บริหารและวิศวกรตัดสินใจได้ทันที
5. Data Governance & Security (การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย)
กำหนดสิทธิ์การเข้าถึง ติดตามการใช้งานข้อมูล และตรวจสอบคุณภาพข้อมูลให้ถูกต้องเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลทุกชิ้นเชื่อถือได้
ตัวอย่างการใช้ Data Platform ในโรงงานจริง
กรณีที่ 1: Monitoring การผลิตแบบเรียลไทม์
ข้อมูลจากเครื่อง PLC จะถูกส่งเข้าฐานข้อมูลแบบ Time-Series และแสดงผลบน Dashboard แบบ real-time เมื่อเครื่องหยุด ระบบจะบันทึกสาเหตุ และแจ้งเตือนผ่าน Line Notify ทันที
กรณีที่ 2: Energy Management
Data Platform ช่วยรวมข้อมูลจาก Power Meter ทุกโซนของโรงงาน คำนวณการใช้พลังงานรายชั่วโมง และประเมิน Peak Demand เพื่อวางแผนลดต้นทุนไฟฟ้า
กรณีที่ 3: Predictive Maintenance
ข้อมูล Vibration และ Temperature จาก Sensor ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วย AI/ML โมเดล เพื่อคาดการณ์ว่าเครื่องจักรตัวใดอาจมีแนวโน้มเสียในเร็ว ๆ นี้ ช่วยให้ซ่อมได้ก่อนที่เครื่องจะหยุดจริง
Data Platform กับโลกของ AI และ Industrial DataOps
Data Platform เป็นรากฐานสำคัญของการทำ AI ในโรงงาน เพราะ AI จะไม่มีวันฉลาดได้เลย หากไม่มีข้อมูลที่พร้อมใช้งาน และมีคุณภาพสูง
ในทางเดียวกัน แนวคิด Industrial DataOps ก็เกิดขึ้นเพื่อทำให้กระบวนการเก็บและแปลงข้อมูลเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ตั้งแต่ edge device จนถึง cloud ลดเวลาที่ทีมวิศวกรต้องใช้ในการเตรียมข้อมูล และเพิ่มเวลาสำหรับการวิเคราะห์เชิงลึก
แนวทางเลือกใช้ Data Platform สำหรับโรงงาน
- เริ่มจากความต้องการของโรงงานก่อน เช่น ต้องการดู OEE หรือ Energy ก่อน ไม่จำเป็นต้องสร้างระบบใหญ่ทันที
- รองรับ protocol อุตสาหกรรม เช่น Modbus, OPC UA, MQTT เพื่อให้เชื่อมต่อกับเครื่องจักรได้ง่าย
- ออกแบบให้ขยายได้ (Scalable) รองรับจำนวน tag หรือ sensor ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
- มีระบบ dashboard และ reporting ในตัว เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมเสริม
- ความปลอดภัยต้องมาก่อน โดยเฉพาะในระบบ ที่เชื่อมต่อกับ cloud หรือ internet
ประโยชน์ที่โรงงานจะได้รับจาก Data Platform
- เห็นภาพรวมการผลิต แบบ real-time
- ลดเวลาหยุดเครื่อง และเพิ่ม OEE
- เชื่อมโยงข้อมูลจากทุกระบบ เป็นหนึ่งเดียว
- รองรับ AI และ Predictive Maintenance
- ลดงาน manual และข้อผิดพลาดจาก human error
- เพิ่มความโปร่งใสในการบริหารข้อมูลภายใน
สรุป
Data Platform คือ “โครงสร้างพื้นฐานข้อมูล” ที่ทำให้โรงงานสามารถจัดการข้อมูลจากทุกแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากข้อมูลดิบในเครื่องจักร จนถึงรายงานเชิงกลยุทธ์ในมือผู้บริหาร มันคือรากฐานของโรงงานอัจฉริยะ ที่ทำให้ทุกการตัดสินใจขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริง
เมื่อโรงงานเริ่มใช้ Data Platform อย่างเป็นระบบ การต่อยอดไปสู่ระบบ Smart Factory, Predictive Maintenance หรือ AI ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป