Tulip vs Ignition App
🔧 แนวทางการเลือกใช้ Tulip vs Ignition
📌 แอปที่เหมาะสำหรับ Ignition Perspective
ใช้สำหรับ แอปพื้นฐานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรโดยตรง และไม่จำเป็นต้องมี Work Instruction หรือ Human Validation
ตัวอย่าง:
Work Order Execution (Simple output count)
Station Status Monitoring
OEE Calculation
เหตุผล:
ใช้จอหลายจุดต่อเครื่อง → License แบบไม่จำกัด client (ลดค่าใช้จ่าย)
Integration ตรงกับ PLC ผ่าน OPC-UA, MQTT
สามารถรันแบบ Offline และใช้ใน Control Room ได้
พัฒนาโดยทีม OT / Automation ภายใน
📌 แอปที่เหมาะสำหรับ Tulip Professional
ใช้สำหรับงานที่ มีความซับซ้อนด้านคน กระบวนการ หรือเอกสาร เช่น งานที่ต้องมี Work Instruction, Form, Validation
ตัวอย่าง:
Manual / Semi-auto Line ที่ต้องเปลี่ยน SKU บ่อย
Station ที่มี Visual / Barcode Inspection
แอปที่ต้องมี e-Signature หรือ Compliance (21 CFR Part 11)
เหตุผล:
No-code Platform → วิศวกรหน้างานสามารถออกแบบแอปเองได้
เชื่อมข้อมูลจาก SAP และผลลัพธ์เข้า Data Lake ผ่าน Connector
มี Built-in Audit Trail, Revision Control, Role-based Access
รองรับการใช้งานผ่าน Browser, Tablet, LG webOS TV
💰 ด้านต้นทุน
Tulip Professional Plan: ~ 100,000 THB / year / Interface
→ จะเลือกใช้เฉพาะจุดที่จำเป็น เช่น จุด Manual ที่มี Human ValidationIgnition Perspective: License ~ 650,000 THB แบบถาวร, ไม่จำกัดจำนวนหน้าจอ
→ ใช้ในจุดที่ต้องแสดงผลหลายจอ หรือเน้น Machine Integration
🧠 แนวทาง Hybrid ที่เราออกแบบ
Operator Login เข้าสถานีผ่าน Ignition ตอนเช้า
→ ระบบจะ Pull Schedule จาก Tulip Tableถ้ามีการเปลี่ยนแปลง Work Order ระหว่างวัน
→ Ignition จะ Poll การอัปเดต ทุก 5 นาที หรือเมื่อ Operator กำลังจะเริ่ม Production Run ใหม่ ผ่าน REST API (WebDev)ข้อมูล Output
→ เก็บที่ Ignition แล้ว Sync กลับไปยัง Tulip Table ตามช่วงเวลา และเมื่อจบแต่ละ Production Run
✅ ข้อดีของแนวทางนี้
ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว โดยใช้ Tulip เฉพาะจุดที่ได้ประโยชน์เต็มที่
ลดความซับซ้อนของ Firewall และ Network (Tulip เป็น SaaS, Ignition อยู่ใน DMZ)
แบ่งความรับผิดชอบระหว่างทีม IT/OT ได้ชัดเจน
รองรับการขยายสเกลทั้งแนวลึก (มากขึ้นต่อสถานี) และแนวกว้าง (เพิ่มไลน์)